ฝ้าเพดานแขวน หรือ ฝ้าที-บาร์
เป็นฝ้าเพดานที่นิยมใช้กันค่่อนข้างมากเพราะความสะดวก และราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับฝ้าแบบอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถเปิดฝ้าขึ้นไปดูแล หรือ ซ่อมแซมงานระบบต่างๆบนเพดานได้สะดวก
ฝ้าเพดานชนิดนี้ เป็นฝ้าที่มีโครงเคร่าอลูมิเนียมคว่ำเป็นรูปตัว T และเป็นช่องตารางเท่าๆกันเพื่อว่างแผ่นฝ้ายิปซั่ม โดยยึดด้วยลวดโครงเคร่าเข้ากับโครงหลังคา สำหรับแผ่นยิปซั่มที่ใช้ในการปิดช่องจะมีขนาดมาตรฐานก็คือ 60 x 60 ซ.ม.
การติดตั้งฝ้าเพดานประเภทนี้เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก แต่ถ้าหากนำไปใช้ในห้องที่มีขนาดใหญ่มากๆอาจเกิดการหย่อนตัวของลวดที่ใช้ยึด ซึ่งอาจทำให้ฝ้าเพดานภายในห้องมีลักษณะเป็นคลื่นได้ นอกจากนี้ยังไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานภายในห้องต่างๆในอาคารสูงๆ เพราะถ้าหากว่ามีลมพัดแรงมากๆเข้ามาที่ใต้ฝ้า หรือ เวลาที่อาคารสูงมีการสั่นไหว (อาคารสูงหลายๆแห่งจะถูกออกแบบให้สามารถสั่นไหวได้ 1 ฟุต) อาจจะทำให้ฝ้าหลุดลงมา หรือ ทำให้ลวดยึดหย่อนตัว จนเป็นช่องทำให้ฝุ่นผงตกลงมาที่พื้นห้อง
ฝ้าเพดานโค้ง และฝ้าเพดานกึ่งโค้ง โดยจะมีการทาสีตกแต่งที่ส่วนโค้งของเพดาน
เพื่อเน้นให้ส่วนโค้งมีความโดดเด่น จนมาถึงยุคบาโรกก็มีการใช้วัสดุใหม่ๆเข้ามา
ตกแต่งฝ้าเพดานโค้งได้อย่างสวยงามแปลกใหม่อย่างเช่น ม้วนกระดาษพิมพ์
(เป็นวัสดุรากฐานของการกำเนิดวอลเปเปอร์ในอดีต)
ฝ้าเพดานที่ถูกพัฒนาโครงสร้างรับน้ำหนักให้แข็งแรงขึ้น จึงทำให้พื้นที่ฝ้าเพดานมีขนาดใหญ่ขึ้น
ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ในการตกแต่งงานศิลป์ทั้งงานปั้น งานแกะสลัก และงานจิตรกรรมสามารถทำได้อย่างถึงขีดสุด
อีกทั้งยังเป็นช่วงที่มีการทดลองวัสดุตกแต่งใหม่ๆเพิ่มเข้ามา จึงทำให้งานตกแต่งเพดานในยุคนี้มีความสวยงามวิจิตรตระการตา
ดังเช่น ฝ้าเพดานในพระราชวัง Doges ในเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี เป็นต้น
ฝ้าเพดานฉาบเรียบ
ฝ้าเพดานประเภทนี้มักใช้ในงานที่ต้องการความเรียบเนียนกลมกลืนไปกับสไตล์การออกแบบจึงมักเป็นการติดตั้งแบบถาวรเป็นหลัก โดยวัสดุกรุฝ้านั้นจะนิยมใช้วัสดุแผ่นที่ทำจากยิปซั่ม และไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยจะยึดเข้ากับโครงเคร่าที่ติดตั้งไว้กับโครงหลังคาอีกที เช่น โครงคร่าวประเภท C-Line
บริเวณรอยต่อของฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบแต่ละแผ่น จะฉาบปิดรอยต่อด้วยปูนสำหรับฉาบปิดรอยต่อฝ้า แล้วปิดทับรอยต่อด้วยผ้าด้ายดิบ เมื่อเสร็จทั้งหมดแล้วทาสีทับก็จะมองเห็นแผ่นฝ้าเรียบเป็นผืนเดียวกันตลอดแนวโดยมองไม่เห็นรอยต่อ ฝ้าประเภทนี้จึงถูกเรียกว่า “ฝ้าฉาบเรียบ”